จักรทิพย์ จ่อประสาน กทม. ขอภาพวงจรปิดเพิ่มล่ามือบึม ระวังเข้ม
4 จุดสำคัญ

"จักรทิพย์" เผยคดีระเบิดราชประสงค์-ท่าเรือสาทร คืบหน้า
ยันไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง เตรียมประสาน กทม. ขอตรวจสอบภาพวงจรปิดเพิ่ม
พร้อมร่วมมือกับ ทภ.1 - บช.น. เฝ้าระวัง 4 จุดสำคัญ
วัดพระแก้ว-พระบรมมหาราชวัง-ราชประสงค์-เอเชียทีค
วันที่ 28 ส.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการวางระเบิดที่ราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่าขณะนี้มีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งการสอบพยานก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนบ้าง โดยได้กำชับทีมสืบสวนไปแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องดูจากกล้องวงจรปิดเป็นหลัก โดยได้ประสานไปยัง กทม. เพื่อขอตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวยืนยันว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีความขัดแย้งกับทาง กทม.ในเรื่องนี้แต่อย่างใด ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกันในหลายคดี ส่วนชนิดระเบิดทั้งสองจุด ต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานก่อน คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะทราบผล ซึ่งหลังจากที่ศาลออกหมายจับชายเสื้อสีฟ้า ที่มีความชัดเจนว่าเป็นการนำระเบิดไปทิ้งที่ท่าเรือสาทรแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มก่อเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้ง จนกว่าจะรู้ชัดเจนก่อน สำหรับการเฝ้าระวังในจุดสำคัญต่างๆ ได้มีการร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 1 และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล อยู่แล้ว โดยขณะนี้มีการเฝ้าระวังอยู่ 3-4 จุด คือ วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง ราชประสงค์ และเอเชียทีค ซึ่งไม่มีความหนักใจในคดีนี้ เพียงสังคมอาจกดดันและคาดหวังมาก ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเต็มที่ทุกนาย
ขณะที่ พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบพิสูจน์ชนิดของระเบิด ที่ราชประสงค์ และที่ท่าเรือสาทร ยังไม่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นระเบิดชนิดทีเอ็นที หรือ ซีโฟร์ คาดว่า อีก 1-2 วันจะทราบผล ส่วนการจำลองแรงระเบิด จะทำการพิสูจน์เพื่อเปรียบเทียบระเบิดที่เกิดขึ้นว่าเป็นชนิดใดนั้น ทาง รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการเบื้องต้น ให้หน่วยอีโอดี เตรียมการแล้ว คาดว่า จะไปจำลองสถานการณ์จริง ในวันที่ 3 กันยายน นี้ ที่ ค่ายฝึกเพชรบุรี
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์จำลองสถานการณ์จริง จะต้องขออนุญาต จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ก่อน เพราะมีการจำลอง จะใช้ดินระเบิดจริงทำการระเบิด เพื่อดูวิถีและอำนาจการทำลายของระเบิด แต่จะไม่ใส่ลูกปราย เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย.
วันที่ 28 ส.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการวางระเบิดที่ราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่าขณะนี้มีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งการสอบพยานก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนบ้าง โดยได้กำชับทีมสืบสวนไปแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องดูจากกล้องวงจรปิดเป็นหลัก โดยได้ประสานไปยัง กทม. เพื่อขอตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวยืนยันว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีความขัดแย้งกับทาง กทม.ในเรื่องนี้แต่อย่างใด ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกันในหลายคดี ส่วนชนิดระเบิดทั้งสองจุด ต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานก่อน คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะทราบผล ซึ่งหลังจากที่ศาลออกหมายจับชายเสื้อสีฟ้า ที่มีความชัดเจนว่าเป็นการนำระเบิดไปทิ้งที่ท่าเรือสาทรแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มก่อเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้ง จนกว่าจะรู้ชัดเจนก่อน สำหรับการเฝ้าระวังในจุดสำคัญต่างๆ ได้มีการร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 1 และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล อยู่แล้ว โดยขณะนี้มีการเฝ้าระวังอยู่ 3-4 จุด คือ วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง ราชประสงค์ และเอเชียทีค ซึ่งไม่มีความหนักใจในคดีนี้ เพียงสังคมอาจกดดันและคาดหวังมาก ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเต็มที่ทุกนาย
ขณะที่ พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบพิสูจน์ชนิดของระเบิด ที่ราชประสงค์ และที่ท่าเรือสาทร ยังไม่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นระเบิดชนิดทีเอ็นที หรือ ซีโฟร์ คาดว่า อีก 1-2 วันจะทราบผล ส่วนการจำลองแรงระเบิด จะทำการพิสูจน์เพื่อเปรียบเทียบระเบิดที่เกิดขึ้นว่าเป็นชนิดใดนั้น ทาง รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการเบื้องต้น ให้หน่วยอีโอดี เตรียมการแล้ว คาดว่า จะไปจำลองสถานการณ์จริง ในวันที่ 3 กันยายน นี้ ที่ ค่ายฝึกเพชรบุรี
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์จำลองสถานการณ์จริง จะต้องขออนุญาต จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ก่อน เพราะมีการจำลอง จะใช้ดินระเบิดจริงทำการระเบิด เพื่อดูวิถีและอำนาจการทำลายของระเบิด แต่จะไม่ใส่ลูกปราย เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น